วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ขอให้เพื่อนๆ ครู ญาติและผู้มีเกียรติทั้งหลายร่วมประเมินผลงาน โดยมีคะแนนเต็ม100คะแนนขอขอบคุณทุกท่าน
-เพื่อนประเมินเพื่อน จำนวน5คน
-ส่วนญาติให้นักเรียนดำเนินการด้วยตนเองจำนวน1ท่าน

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553




โปรตีน

เป็น ส่วนประกอบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ มีธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก ส่วนธาตุที่ประกอบในปริมาณน้อยได้แก่ กำมะถัน ฟอสฟอรัส เหล็ก โปรตีนจะแตกต่างกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกรดอะมิโนซึ่งเป็นส่วนประกอบย่อยของโปรตีน


กรด อะมิโนเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญกับสุขภาพของมนุษย์และสัตว์ กรดอะมิโนได้มาจากการที่โปรตีนถูกย่อย เพื่อนำไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อต่างๆรวมทั้งนำไปเป็นพลังงาน กรดอะมิโนที่สำคัญ ได้แก่ ธรีโอนีน(threonine) วิลเลียม โรส เป็นผู้ค้นพบ เขาพบว่า เมื่อคนกินอาหารที่ขาดอะมิโนชนิดนี้สักระยะหนึ่ง คนเหล่านั้นจะรู้สึกหงุดหงิดเข้ากับคนได้ยาก ไม่มีสมาธิในการทำงาน อาการเช่นนี้จะหมดไปเมื่อเติมกรดอะมิโนชนิดนี้ลงไปในอาหาร จะเห็นได้ว่ากรดอะมิโนมีผลต่อร่างกายและสมอง

โปรตีนที่ได้จากนมเรียก ว่า เคซีน เป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วน แต่ผู้ใหญ่ส่วนมากไม่สามารถดื่มนมได้ เพราะการแพ้ที่ต่างๆกัน เช่น ท้องอืด ท้องเดิน อาการเช่นนี้เกิดจากการที่ร่างกายของผู้ใหญ่ส่วนมากขาดเอนไซม์ที่มีชื่อว่า แลกเตสที่ใช้ในการย่อยแลกเตสในน้ำนม

เมื่ออาหารในโปรตีนถูกย่อย จะกลายเป็นกรดอะมิโน กรดอะมิโนแบ่งเป็น 2 พวก ได้แก่

กรดอะมิโนที่จำ เป็นต่อร่างกาย เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้ จำเป็นต้องได้นับจากอาหารเท่านั้น

กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่กรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้

โปรตีน ประเภทสมบูรณ์ เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกายทุกชนิด และอยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะกับร่างกาย โปรตีนชนิดนี้มีอยู่ในเนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วเหลือง

โปรตีนประเภทไม่สมบูรณ์ เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายไม่ครบทุกชนิด โปรตีนชนิดนี้ มีในอาหารจำพวกพืชที่มีโปรตีนทั่วไป ยกเว้นถั่วเหลือง

หน้าที่ของ โปรตีน

สร้างเนื้อเยื่อต่างๆและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ในอวัยวะต่างๆ

เป็น ส่วนประกอบของน้ำย่อย และฮอร์โมน

เป็นส่วนประกอบของสารเคมีที่สามารถ ต้านทานโรค

ให้พลังงาน คือ โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงานประมาณ 4 แคลอรี

ร่าง กายสามารถใช้โปรตีนแทนคาร์โบไฮเดรตได้


ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no12/protien.html


ตอบ ข้อ4 ครับ


คาร์โบ ไฮเดรต

คาร์โบ ไฮเดรต เป็นสารประกอบอินทรีย์เคมี ซึ่งมีธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจนเป็นส่วนประกอบ พืชใช้พลังงานจากแสงแดดในการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรตจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในอากาศและน้ำซึ่งดูดจากดิน และจะสะสมอาหารในส่วนต่างๆของพืช เช่น เมล็ด ใบ หัว ลำต้น ชนิดของคาร์โบไฮเดรตมีหลายชนิด จัดเป็นพวกใหญ่ๆได้ดังนี้

น้ำตาล ชั้นเดียว (โมโนแซคคาไรด์) มีโมเลกุลเล็กที่สุด มีรสหวาน และละลายน้ำได้ เช่น กลูโคส ฟรุกโตส(ได้มาจากผลไม้) กาแลคโตส(ได้มาจากการสลายตัวของแลกโตสในนม)

น้ำตาล 2 ชั้น (ไดแซคคาไรด์) ประกอบด้วยน้ำตาลชั้นเดียว2โมเลกุลมารวมกัน จึงจัดเป็นน้ำตาล2ชั้น มีรสหวาน ละลายน้ำได้ เช่น ซูโครส(กลูโคส+ฟรุกโตส) แลกโตส(กลูโคส+กาแลกโตส) มอลโตส(กลูโคส+กลูโคส)

น้ำตาลหลายชั้น (โพลีแซคคาไรด์) ประกอบด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดียวมากกว่าสองโมเลกุลมารวมกัน ไม่มีรสหวานและไม่ละลายน้ำ พืชและสัตว์มักเก็บคาร์โบไฮเดรตในรูปน้ำตาลหลายชั้น เช่น แป้งในพืช ไกลโคเจนในสัตว์ เซลลูโลสในพืช



หน้าที่ของคาร์โบไฮเดรต

ให้ พลังงานและความร้อน คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงานประมาณ 4 แคลอรี

ช่วย ให้การใช้ไขมันในร่างกายดำเนินไปอย่างปกติ ถ้าคาร์โบไฮเดรตมีไม่เพียงพอในอาหาร การใช้ไขมันในร่างกายจะไม่สมบูรณ์ด้วย

คาร์โบ ไฮเดรตบางชนิด เช่น กลูโคส เป็นอาหารของเซลล์และเนื้อเยื่อในสมอง

โมเลกุล ของกลูโคส ใช้ในการสังเคราะห์กรดอะมิโนในร่างกาย

ร่างกายสามารถ เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตที่เหลือเป็นไขมันได้ และจะถูกสะสมในร่างกาย ดังนั้นไม่ควรได้รับคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป


ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no12/carbohydrate.html

ตอบ ข้อ1 ครับ

กรด ไขมัน (Fatty Acids)
กรดไขมันอาจแบ่งได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ
1. กรดไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acids) หมายถึง กรดไขมันที่คาร์บอนทุกตัวในโมเลกุลไม่สามารถจับกับไฮโดรเจนเพิ่มได้
และ ไม่สามารถจะจับกับสารใดๆ ได้อีก ไขมันอิ่มตัวมักได้มาจากสัตว์ ซึ่งมีลักษณะแข็งตัวได้แม้ในอุณหภูมิปกติ เช่น เนยแข็ง
น้ำมันหมู ช็อคโกแลต เป็นต้น โดยพวกนี้จะมีไขมันที่ทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดจับตัว
2. กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fatty acids) หมายถึง กรดไขมันที่คาร์บอนในโมเลกุลสามารถเกาะกับไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นได้
กรดไขมัน ไม่อิ่มตัวแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ
2.1 กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว ไขมันชนิดนี้แทบไม่มีบทบาทอะไรกับปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด เช่น น้ำมันมะกอก
น้ำมันคาโนลา เป็นต้น
2.2 กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง กรดไขมันชนิดนี้สำคัญต่อร่างกายมาก ช่วยในการทำงานของอวัยวะสำคัญในร่างกาย มี
ลักษณะเหลวแม้ในอุณหภูมิต่ำ ส่วนใหญ่ได้จากพืชและสัตว์น้ำบางชนิด เช่น น้ำมันทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด
คอเลสเตอรอล (Cholesterol)
ไขมันชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกายเพื่อใช้ในการสร้าง ฮอร์โมน วิตามินอี และกรดน้ำดีซึ่งช่วยย่อยอาหาร ถ้าร่างกายมีคอเลสเตอ
รอ ลสูงเกินกว่าปกติ (มากกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) ก็จะก่อให้เกิดผลเสียจากการที่คอเลสเตอรอลไปพอกตามผนังหลอดเลือด
แดงทำ ให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจวาย เป็นต้น เราจะพบคอเลสเตอรอลเฉพาะในสัตว์ และ
พบมากในอาหารที่มาจากเครื่องในสัตว์ รวมทั้งไข่แดง
ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)
ไขมันและน้ำมันที่ได้จาก พืชและสัตว์มีสารประกอบส่วนใหญ่เป็นไตรกลีเซอไรด์ นอกจากนี้ ไตรกลีเซอไรด์ยังเกิดขึ้นได้จาก
กระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรท เช่น น้ำตาล ดังนั้น หากรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรทในปริมาณที่มากเกินไป
จะ มีผลทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ค่าปกติของไตรกลีเซอไรด์ควรอยู่
ระหว่าง 70-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ฟอสโฟ ลิปิด (Phospholipid)
เป็นไขมันที่มีคุณสมบัติละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน

ที่ มา http://www.nautilus.co.th/health_nutrition/tips_fatty.asp

ตอบ ข้อ4 ครับ




กรด อะมิโน คือ กรดอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่มีหมู่คาร์บอกซิล และหมู่อะมิโนเป็นหมู่ฟังก์ชัน

สูตรทั่วไป


กรด อะมิโนที่พบเป็นองค์ประกอบของโปรตีนมี 20 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็นมี 8 ชนิด คือ เมไทโอนีน ทรีโอนีน ไลซีน เวลีน ลิวซีน ไอโซลิวซีน เฟนิลอะลานิน และทริปโตเฟน มีความสำคัญสำหรับมนุษย์


สมบัติของกรดอะมิโน

1. สภานะ ของแข็ง ไม่มีสี

2. การละลายน้ำ ละลายน้ำ เกิดพันธะไฮโดรเจนและแรงแวนเดอร์วาลส์

3. จุดหลอมเหลว สูง อยู่ระหว่าง 150 - 300 C เพราะเกิดพันธะไฮโดรเจน

4. ความเป็นกรด-เบส กรด-เบส Amphoteric substance


การเกิดพันธะเพปไทด์

พันธะ เพปไทด์ คือ พันธะโคเวเลนต์ที่เกิดขึ้นระหว่าง C อะตอมในหมู่คาร์บอกซิล ของกรดอะมิโนโมเลกุลหนึ่งยึดกับ N อะตอม ในหมู่อะมิโน (-NH2) ของกรดอะมิโนอีกโมเลกุลหนึ่ง


สารที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 2 โมเลกุล เรียกว่า ไดเพปไทด์

สารที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 โมเลกุล เรียกว่า ไตรเพปไทด์

สารที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนตั้งแต่ 100 โมเลกุลขึ้นไป เรียกว่า พอลิเพปไทด์นี้ว่า โปรตีน

อนึ่งสาร สังเคราะห์บางชนิดก็เกิดพันธะเพปไทด์เหมือนกัน เช่น ไนลอน ดังนี้

ที่ มา http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet5/topic8/amino.html

ตอบ ข้อ 2 ครับ

กรด ดีออกซีไรโบนิวคลีอิก (deoxyribonucleic acid, DNA ) พบ DNA ในโครโมโซม เป็นตัวสำคัญในการถ่ายทอด

ทางพันธุกรรมในนิวเคลียส กรดนิวคลีอิกอีกชนิดหนึ่ง คือ กรดไรโบนิวคลีอิก (ribonucleic acid ,RNA)พบในไรโบโซม

RNA และในไซโตพลาสซึม มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีน ทั้ง DNA และ RNA เป็นพอลิเมอร์ธรรมชาติ
หน้าที่
DNA ทำหน้าที่หลักในการเก็บรักษาและถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตแต่ ละชนิด

RNA ทำหน้าที่หลักในการถ่ายทอดข้อความทางพันธุกรรมจาก DNA ไปเป็นโปรตีน
กรดนิวคลีอิกทั้ง DNA และ RNA ถูกไฮโดรไลซ์แล้ว จะให้มอนอเมอร์ เรียกว่านิวคลีโอไทด์

ถ้าไฮโดรไลซ์นิวคลีโอไทด์์ต่อ ไปจะให้นิวคลีโอไซด์ และกรดฟอสฟอริก นิวคลีโอไซด์ถูกไฮโดรไลซ์ต่อไปให้

เฮ เทอโรไซคลิกเบสและน้ำตาลเพนโทส ซึ่งถ้าเป็น RNA เพนโทส คือ D-Ribose และ 2-Deoxyribose

ในกรณีที่เป็น DNA
กรดนิวคลีอิกสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆคือ กรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก

(deoxyribonucleicacid, DNA ) และกรด ไรโบนิวคลีอิก (ribonucleic acid , RNA) DNA และ RNA ตามลำดับ

มี โครงสร้างโมเลกุลพื้นฐานเป็น 3 ส่วน เหมือนกันคือ ไนโตรเจนเบส ( nitrogenous base) น้ำตาลที่มีคาร์บอน 5 ตัว

(น้ำตาลไรโบส และ ดีออกซีไรโบส)และหมู่ฟอสเฟต

ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/science04/28/P_Untitled-31.html

ตอบ ข้อ 2 ครับ